ปีงบประมาณ 2565 (1 ตุลาคม 2564 - 30 กันยายน 2565)
ปีงบประมาณ 2565 (1 ตุลาคม 2564 - 30 กันยายน 2565)
ส่วนที่ 1 ข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตรฐานตำแหน่ง
1. ภาระงาน จะมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด
ภาคเรียนที่ 2/64
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน รวมจำนวน 19.16 ชั่วโมง/สัปดาห์ดังนี้
1. รายวิชาเคมี 2 รหัสวิชา ว31222 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 จำนวน 2.5 ชั่วโมง/สัปดาห์
2. รายวิชาเคมี 4 รหัสวิชา ว31222 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 จำนวน 2.5 ชั่วโมง/สัปดาห์
3. รายวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพเคมี รหัสวิชา ว30182 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 จำนวน 1.67 ชั่วโมง/สัปดาห์
4. รายวิชาเคมีในชีวิตประจำวัน รหัสวิชา ว30226 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 จำนวน 0.83 ชั่วโมง/สัปดาห์
5. รายวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพเคมี รหัสวิชา ว30182 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 จำนวน 1.67 ชั่วโมง/สัปดาห์
6. รายวิชาวิทยาการคำนวณ รหัสวิชา ว23104 ชั้น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1-4 จำนวน 3.33 ชั่วโมง/สัปดาห์
7. รายวิชาการเขียนโปรแกรมด้วยคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา ว23210 ชั้น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1-4 จำนวน 3.33 ชั่วโมง/สัปดาห์
8. รายวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพเคมี รหัสวิชา ว30182 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 จำนวน 1.67 ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
รายวิชาลูกเสือ-เนตรนารี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 0.83 ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมชุมนุม STEM Startup 4.0 จำนวน 0.83 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน 5 ชั่วโมง/สัปดาห์
หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 3 ชั่วโมง
หัวหน้างาน 1. วิจัยและพัฒนาสื่อนวัตกรรมและเทคโนโลยี
2. ประชาสัมพันธ์
งานประกันคุณภาพภายใน จำนวน 1 ชั่วโมง
คณะทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย จำนวน 1 ชั่วโมง
1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
ภาคเรียนที่ 1/65
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน รวมจำนวน 16.67 ชั่วโมง/สัปดาห์ดังนี้
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
รายวิชาเคมี 1 รหัสวิชา ว31221 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 จำนวน 2.5 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชาเคมี 3 รหัสวิชา ว31223 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 จำนวน 2.5 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชาเคมี 5 รหัสวิชา ว33225 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 จำนวน 2.5 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชาเคมีเคมีสนุกกับอาชีพ รหัสวิชา ว21208 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 3.34 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชาหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ CiRA CORE รหัสวิชา ว23211 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 3.34 ชั่วโมง/สัปดาห์
รายวิชาปัญญาประดิษฐ์ CiRA CORE รหัสวิชา ว30286 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 จำนวน 0.83 ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
รายวิชาลูกเสือ-เนตรนารี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 0.83 ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมชุมนุม ปัญญาประดิษฐ์ CiRA CORE เทคโนโลยี IOT จำนวน 0.83 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 7 ชั่วโมง/สัปดาห์
จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 3 ชั่วโมง
สร้างและพัฒนาสื่อการเรียนการสอน จำนวน 3 ชั่วโมง
เข้าร่วมชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) จำนวน 1 ชั่วโมง
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน 5 ชั่วโมง/สัปดาห์
หัวหน้างาน 1. วิจัยและพัฒนาสื่อนวัตกรรมและเทคโนโลยี จำนวน 3 ชั่วโมง
2. ประชาสัมพันธ์
งานประกันคุณภาพภายใน จำนวน 1 ชั่วโมง
คณะทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย จำนวน 1 ชั่วโมง
1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
งานที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานตำแหน่ง ครู
1.ด้านการจัดการเรียนรู้
ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้
ด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ
ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทาย
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
จากผลการวิเคราะห์คุณลักษณะที่ จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในยุคศตวรรษที่ 21 และในอนาคต จาก โครงการ PISA (Program for International Student Assessment) ได้พบว่า สมรรถนะ คือคุณลักษณะสำคัญของคนที่ ประสบความสำเร็จในชีวิตและอาชีพการงาน (successful life) และบุคลที่สามารถส่งต่อคุณค่าให้กับสังคม (Well Functioning Society)ได้ สมรรถนะให้ความสำคัญกับการใช้ความรู้ทักษะ เจตคติค่านิยมอย่างมี ประสิทธิภาพ ผู้เรียนที่สำเร็จการศึกษาภาคบังคับตามระบบการศึกษาของประเทศไทยแล้ว ควรมีระดับ สมรรถนะทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน แต่นักเรียนในประเทศไทยส่วนใหญ่ยังมีระดับความสมรรถนะต่ำกว่า ระบดับพื้นฐาน ซึ่งสอดคล้องกับการวิเคราะห์ทักษะการคิดของนักเรียนในรายวิชาเคมี 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในระดับ “ผ่าน” เท่านั้น การพัฒนาความรู้และทักษะดังกล่าวจำเป็นต้องอาศัยนวัตกรรมและสื่อการสอนสมัยใหม่เข้ามาใช้ในการจัดการเรียนรู้ เนื้อหาวิชาเคมี มีหลายเรื่องที่เป็นนามธรรมนักเรียนทำความเข้าใจได้ยาก นวัตกรรมและสื่อการสอนเป็นสิ่งที่ช่วยเป็นตัวกลางในการถ่ายทอดเนื้อหาจากผู้สอนไปยังผู้เรียน ช่วยให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจเนื้อหาบทเรียนที่ยุ่งยากซับซ้อนได้ง่ายขึ้น ช่วยให้เกิดความคิดมโนมติในเรื่องที่ศึกษาได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ช่วยกระตุ้นเร้าความสนใจของผู้เรียนทำให้เกิดความรู้สนุกสนานอยากเรียน ส่งผลให้การเรียนการสอนวิทยาศาสตร์มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในการจัดการเรียนรู้ที่จะกระตุ้นให้นักเรียนเกิดทักษะเหล่านี้ จะมีการสอนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) หรือทฤษฎี 5E ที่น่าสนใจ ซึ่งประกอบด้วย 5 ขั้น ดังนี้ ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) เป็นการนำเข้าสู่บทเรียนโดยใช้ สถานการณ์หรือกิจกรรมบางอย่างที่น่าสนใจ โดยผู้สอนใช้คำถามเพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนสนใจอยาก เรียนรู้ในหัวข้อนั้น ขั้นที่ 2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) เป็นการทำความเข้าใจในประเด็นที่ สนใจจะศึกษา แล้ววางแผนดำเนินการสำรวจตรวจสอบ ผ่านการปฏิบัติการทดลองด้วยตนเองเพื่อ เก็บรวบรวมข้อมูล ขั้นที่ 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) เป็นการนำข้อมูลที่ได้จากการ สำรวจตรวจสอบแล้วมาวิเคราะห์ แปลผล สรุปผล และนำเสนอผลที่ได้ในรูปแบบต่าง ๆ ขั้นที่ 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) เป็นการน าความรู้ที่สร้างขึ้นไปเชื่อมโยง กับความรู้เดิมหรือข้อสรุปที่ได้ไปใช้อธิบายเหตุการณ์อื่น ๆ ขั้นที่ 5 ขั้นประเมินผล (Evaluation) เป็นการประเมินการเรียนรู้ เพื่อประเมินว่านักเรียนมีความรู้อะไรบ้าง อย่างไร และมากน้อยเพียงใด เสริมด้วยรูปแบบกิจกรรม STEM
ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19 ส่งผลให้การจัดการเรียนรู้ยากลำบากยิ่งขี้น จึงต้องอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยในการจัดการเรียนรู้ให้นักเรียนโดยการใช้ทฤษฎี 5E ด้วยรูปแบบกิจกรรม STEAM ข้าพเจ้าจึงจัดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ในห้องเรียนเคมี ที่มีการตื่นตัวตลอดเวลาด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล แอพลิเคชันต่าง ๆ รวมไปถึงการนำบอร์ดสมองกลฝังตัว เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการเรียนนรู้ ส่งเสริมให้ผู้เรียน เรียนรู้เคมีอย่างสนุก สร้างสรรค์และปลอดภัย เช่น การจัดกิจกรรมในการเรียนรู้วิชาเคมี เช่น เทอร์โมเพลาสติกสรรสร้างนวัตกรรม ด้วย 3D Printer ผู้เรียนสามารถนำความรู้มาปรับประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและสร้างสรรค์ผลงานได้ โดยใช้วัสดุอุปกรณ์ที่มีอยู่อย่างจำกัดให้สอดคล้องกับบริบทของชุมชน นอกจากนี้ยังมีการสร้าง Growth Mindset เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนตระหนักและเห็นคุณค่าในตนเอง ตลอดจนสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การสร้าง Growth Mindset ซึ่งจะส่งผลให้ผู้เรียนเชื่อมั่นในตนเอง มองปัญหาอุปสรรคเป็นโอกาสสามารถเรียนรู้และสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยนำปัญหาในชีวิตประจำวัน มาเป็นสถานการณ์ให้นักเรียนได้เรียนรู้ แก้ปัญหา ประยุกต์ใช้วัสดุอุปกรณ์ที่มีอยู่อย่างจำกัด ด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามาช่วยในการสร้างสรรค์ชิ้นงานส่งเสริมการเป็นนวัตกร
อีกทั้งปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจในยุคโควิดส่งผลให้หลายครอบครัวไร้งานทำ รายได้ลดลง นักเรียนขาดเรียน เพราะต้องไปทำงานหาเงินช่วยครอบครัว เราในฐานะเป็นครูจะมีวิธีการในการช่วยเด็ก ๆ เหล่านั้นอย่างไร ให้นักเรียนเหล่านั้นสามารถผลิตชิ้นงานหรือสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ จากความรู้พื้นฐาน และใช้เทคโนโลยีช่วยให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ด้วยตัวเอง ภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ช่วยให้นักเรียนมีรายได้เสริมจากการเรียนรู้แล้วนำไปประยุกต์จนเกิดนวัตกรรมที่หลากหลาย การจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการตามทฤษฎีไม่สามารถพัฒนาการสร้างสรรค์นวัตกรรมได้ ข้าพเจ้าจึงต้องปรับการจัดการเรียนรู้ ใช้สื่อ ใช้สถานการณ์ เชื่อมกับปัญหาในชีวิตประจำวัน ข้าพเจ้าจึงได้การพัฒนาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เคมีอินทรีย์และพอลิเมอร์ โดยทฤษฎี 5E ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล สู่สมรรถนะทางวิทยาศาสตร์ รายวิชา เคมี 5 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ด้วยการสอนแบบ STEM จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการสร้างองค์ความรู้ ด้วยตนเอง เข้าใจกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และที่สำคัญคือช่วยส่งเสริมทักษะด้านการเรียนรู้ที่สาหรับผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ทั้งทักษะการเรียนรู้และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ทักษะด้านข้อมูลข่าวสารสื่อ และ เทคโนโลยี จิตวิทยาศาสตร์และเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ อีกทั้งยังสร้างรายได้ให้นักเรียนและสร้างอาชีพในชุมชนได้อีก
จากปัญหาข้างต้น ผู้จัดทำข้อตกลงได้ทำการศึกษาวิธีการแก้ปัญหาจากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง พบว่า รูปแบบการสอนโดยใช้ทฤษฎี 5E ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เป็นสิ่งที่สามารถนำมาใช้ในการแก้ปัญหาคุณภาพการเรียนรู้ด้านสมรรถนะทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนได้ เพื่อให้การจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในรายวิชา เคมี 5 รหัสวิชา ว32225 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีคุณภาพตรงตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) และหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาบอำมฤตวิทยา เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและส่งผลต่อการพัฒนาผู้เรียน ทั้งในด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติหรือคุณลักษณะอันพึงประสงค์ รวมถึงสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ตลอดจนเพื่อให้เป็นไปตามค่าเป้าหมายในการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาที่ได้กำหนดไว้
ผู้จัดทำข้อตกลง จึงขอเสนอประเด็นท้าทายที่แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะในการปฏิบัติงานตามระดับการปฏิบัติที่คาดหวังของตำแหน่งครู วิทยฐานะชำนาญการ เรื่อง การพัฒนาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เคมีอินทรีย์และพอลิเมอร์ โดยทฤษฎี 5E ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล สู่ทักษะอาชีพ รายวิชา เคมี 5 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
3.1 เชิงปริมาณ
3.1.1 นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 1 ห้อง รวมจำนวนนักเรียนทั้งหมด 24 คน ที่เรียนในรายวิชา เคมี 5 รหัสวิชา ว33225 ได้รับการแก้ปัญหาด้านสมรรถนะทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง เคมีอินทรีย์และพอลิเมอร์ โดยใช้ทฤษฎี 5E ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล สู่ทักษะอาชีพ ส่งผลให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนร้อยละ 60 ขึ้นไป
3.1.2 นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 1 ห้อง รวมจำนวนนักเรียนทั้งหมด 24 คน
ที่เรียนในรายวิชา เคมี 5 รหัสวิชา ว33225 ได้รับการแก้ปัญหาด้านสมรรถนะทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง เคมีอินทรีย์และพอลิเมอร์ โดยใช้ทฤษฎี 5E ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล สู่ทักษะอาชีพ ส่งผลให้มีสมรรถนะทางวิทยาศาสตร์ ในระดับดี ร้อยละ 60 ขึ้นไป
3.2 เชิงคุณภาพ
3.2.1 นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 1 ห้อง รวมจำนวนนักเรียนทั้งหมด 24 คน
ที่เรียนในรายวิชา เคมี 5 รหัสวิชา ว33225 ได้รับการแก้ปัญหาด้านสมรรถนะทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง เคมีอินทรีย์และพอลิเมอร์ โดยใช้ทฤษฎี 5E ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล สู่ทักษะอาชีพ มีความรู้ ทักษะ คุณลักษณะประจำวิชา คุณลักษณะอันพึงประสงค์และสมรรถนะที่สำคัญตามหลักสูตรสูงขึ้น
3.2.2 นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 1 ห้อง รวมจำนวนนักเรียนทั้งหมด 24 คน
ที่เรียนในรายวิชา เคมี 5 รหัสวิชา ว33225 ได้รับการแก้ปัญหาด้านสมรรถนะทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง เคมีอินทรีย์และพอลิเมอร์
1.2.3 ได้แนวทางในการแก้ปัญหาด้านสมรรถนะทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง เคมีอินทรีย์และพอลิ
เมอร์โดยใช้ทฤษฎี 5E ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล สู่ทักษะอาชีพของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในรายวิชา เคมี รหัสวิชา ว33225 ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ในการการแก้ปัญหาผลลัพธ์การเรียนรู้ของนักเรียน ตลอดมีแรงบันดาลใจ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
ตัวชี้วัด (Indicators)
ผู้เรียนร้อยละ 70 มีความพึงพอใจในการจัดการเรียนการสอนของครู อยู่ในระดับมากขึ้นไป
ผู้เรียนร้อยละ 60 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเคมี ร้อยละ 60 ขึ้นไป
คลิปวิดีโอการจัดการเรียนรู้